วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ของอร่อย-ของฝาก ตลาดสามชุก





ของอร่อยตลาดสามชุก



สามชุก ตลาดร้อยปี เป็นตลาดเก่าแก่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวและนักชิมมากมาย โดยเฉพาะเรื่องของกินในตลาด เป็นที่กล่าวกันมากว่า มาสามชุกที่ไรต้องกลิ้งกลับบ้านทุกที สาเหตุเพราะ ในตลาดมีของน่ากินให้เลือกซื้อเลือกกินมากมาย มีทั้งร้านเก่าแก่ดั้งเดิมที่ขายกันมาหลายสิบปี อาหารและขนมพื้นบ้านที่หากินได้ยากแล้ว หรือแม้แต่อาหารที่มีการพัฒนาทั้งรูปแบบและรสชาด เรียกได้ว่า กินกันทั้งเดือนก็ยังไม่ครบทุกร้าน
      สำหรับหน้านี้ ก็จะแนะนำ ร้านอาหาร ร้านขนม และของฝากน่าซื้อ.... สำหรับอาหารและขนม ที่มาแนะนำ ส่วนหนึ่งก็เคยกินมาตั้งแต่เด็ก และส่วนหนึ่งก็ดูจากความชอบของเพื่อนๆและนักเดินทางที่เคยผ่านมาชิม และบอกต่อๆกันมา ก็ขอแนะนำไว้เป็นแนวทาง อร่อยมากน้อยแค่ไหนคงต้องลองมาชิมกันเองนะคะ




นิศาลูกชิ้นยักษ์



         เมนูยอดนิยมสำหรับผู้ที่ไปเยือนตลาดสามชุก แม้ไม่ได้ตั้งใจจะไปทานโดยเฉพาะ แต่หากได้เดินผ่านร้านนิสาลูกชิ้นยักษ์ คุณจะต้องหยุดมองความมหึมาโอฬารของลูกชิ้นลูกเกือบเท่าลูกฟุตบอล แล้วก็คงอดไม่ได้ที่จะขอลองลิ้มชิมรสสักหน่อย ได้อิ่มอร่อยแบบเนื้อๆ เน้นๆ เต็มๆ คำ แล้วกลั้วคอด้วยเมนูเครื่องดื่มซ่าๆ ของทางร้าน มีแรงเดินช้อปต่อไปอีกหลายรอบ

คุณนิสา

          เจ้าของร้านคือ คุณนิสา เป็นคนสามชุก ก่อนจะมาขายก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นยักษ์ ขายก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมูธรรมดามาก่อน ขายอยู่หลายปี เมื่อเห็นว่าลูกค้าไม่กระเตื้อง จึงได้พลิกแพลงมาทำลูกชิ้นขนาดจัมโบ้  ลูกชิ้นยักษ์มีหลายขนาด โดยเจ้าของร้านทำวันต่อวัน ไม่ใส่แป้งและสารกันบูด เป็นเนื้อหมูล้วนๆที่มากด้วยโปรตีน









บะหมี่เจ็กอ้าว (บะหมี่ลิ้นชัก) - ขนมหอย




ร้านบะหมี่ที่อยู่คู่ตลาดมาแต่เก่าก่อน เป็นร้านที่คนสามชุกและคนสุพรรณรู้จักดี เรียกได้ว่า ถ้ามาตลาดสามชุกก็ต้องแวะกินบะหมี่เจ็กอ้าวสักชาม เมื่อก่อนสั่งชามเดียวก็อิ่ม สมัยนี้ลดปริมาณให้พอดี มีที่ว่างไปชิมของกินอย่างอื่น เส้นบะหมี่เหนี่ยวนุ่มกำลังดี (โดยเฉพาะบะหมี่แห้ง) และที่หน้าร้าน มีขนมหอยใส้ถั่ว ที่กินมาตั้งแต่ชิ้นละ 2 บาท ตอนนี้ 5 บาทแล้วมั้ง ความอร่อยที่เพื่อนหลายคนติดใจ แป้งกรอบใส้นุ่มและเยอะดี ร้านอยู่ถนนเลียบนที จากป้ายสามชุกเดินเข้าไปนิดเดียวอยู่ขวามือ


แหล่งที่มา http://www.touronthai.com/


 เป็ดย่างจ่าเฉิด 



เป็ดย่างเจ้าแรกในตลาดสามชุกเปิดกิจการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2518 (โหยังไม่เกิดเลย) วันๆ ก็สับเป็ดเรียงไว้อย่างนี้เดี๋ยวก็ขายหมด สำหรับร้านนี้ต้องขออภัยที่ไม่ได้ชิมรส จะได้เล่าได้ว่าอร่อยขนาดไหน

                                                                                 แหล่งที่มา http://www.touronthai.com/





บะจ่าง 


บะจ่าง   ของโปรดของใครหลายๆ คน ขอนำเอาความรู้เกี่ยวกับขนมนี้มาเป็นวิทยาทาน (นอกเหนือจากรับประทาน) ดังนี้

 บะจ่าง หรือ ขนมจ้าง (ภาษาอังกฤษ : Zongzi;จีน: ข้าวห่อไส้เนื้อ, จีนกลางออกเสียงจ้งจึ คือข้าวห่อด้วยใบไม้)เป็นอาหารจีน ทำด้วยข้าวเหนียวใส่หมูหรือหมูแดงกับถั่วหรือเม็ดบัวและเครื่องปรุงต่างๆ ผัดแล้วห่อด้วยใบไผ่มัดเป็นทรงพีระมิดสามเหลี่ยม บางที่ก็เป็นรูปสี่เหลี่ยม ใช้เชือกมัดแล้วนึ่งให้สุก ซึ่งแต่ละท้องถิ่นก็จะทำไส้แตกต่างกันไปปกติบะจ่างจะมีการทำกันมากในเทศกาลวันไหว้ขนมจ้าง คือวันที่ 5 เดือน 5 ตามปฏิทินทางจันทรคติ บางคนใช้ทานเป็นขนม บางคนก็ทานเป็นอาหาร
ตำนานของบะจ่าง
มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมา ในสมัยจั้นกว๋อ (ราวก่อนค.ศ. 403 - 211) กษัตริย์ฉู่เซียนอ๋อง ทรงโปรดปรานขุนนางกังฉินเป็นอย่างมาก ต่อมา กวีผู้รักชาตินาม "ชวีหยวน" ได้พูดเตือนพระองค์ ทำให้ชวีหยวนถูกปลดจากตำแหน่ง และถูกไล่ออกจากเมืองหลวง นอกจากนี้ รัฐฉินยังถูกรัฐฉู่เข้ารุกรานจนประเทศล่มสลาย ประชาชนยากไร้ ชวีหยวนรู้สึกอดสูแก่ใจที่ไม่อาจช่วยเหลือประเทศชาติได้จึงกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย เมื่อชาวบ้านที่นับถือในตัวชวีหยวนทราบเรื่องเข้า ก็ช่วยกันหาศพของชวีหยวน แต่ก็ไม่พบ และเพื่อเป็นการระลึกถึงความรักชาติของชวีหยวน พวกชาวบ้านจึงได้มีการโยนบะจ่างลงในน้ำ เพื่อให้บรรดาสัตว์น้ำไม่ต้องไปกินศพของชวีหยวน แต่มากินบะจ่างแทน
 http://th.wikipedia.org/wiki/บะจ่าง




    ร้านกาแฟท่าเรือส่ง 




ร้านกาแฟท่าเรือส่ง เจ๊ชั่ง ศิวะนันต์วงษ์ อายุ 67 ปี และเจ๊ม่วยเล็ก ศิวะนันต์วงษ์ อายุ 51 ปี เจ้าของร้านเล่าว่า มีพี่น้อง 10 คน สมัยเตี่ยคือนายหล่งเสี่ย แซ่ตัน ชาวจีนแคระมาทำการค้าที่ตลาดสามชุกต้องคั่วกาแฟเอง ใช้กาแฟหลายอย่าง เช่น อาราบิก้า โรบัสต้า จากกรุงเทพฯ 
สูตรกาแฟโบราณ ที่ยังใช้เครื่องคั่วกาแฟ แบบดั้งเดิม

เดิมมีร้านกาแฟอยู่ที่ท่าเรือส่ง ขายดี ต่อมาเมื่อการคมนาคมทางเรือเลิกไป จึงมาเปิดขายที่ร้านของน้องชายคนที่ 3 ซึ่งเปิดร้านก่อสร้าง ชื่อศิวะนันต์พานิช ร้านนี้เปิดมาตั้งแต่ พ.ศ.2508 สมัยนายอำเภอสมพร ในเดือนเดียวกับที่มีการเปิดใช้สะพาน พรประชา ขายตั้งแต่ราคาสามสตางค์ ห้าสตางค์ ตอนนี้ราคา 7-10 บาท ร้านเปิดตั้งแต่ 7 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น วันหนึ่งๆ เปลี่ยนคนชงสามกะผลัดกันดูแลร้านเจ๊ชั่ง ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการชงกาแฟ มีความคล่องแคล่วมาก ชงให้กับลูกค้าที่แวะเวียนมาที่นี่ทุกวัน เรียกได้ว่า ร้านนี้เป็นสถานที่พบปะแลกเปลี่ยนพูดคุย ของชาวตลาดก็ว่าได้
ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมานานของเจ๊ชั่ง และรสชาติที่ยังคงเอกลักษณ์มาช้านาน จึงทำให้ร้านกาแฟโบราณ ยืนหยัด และคงคู่ตลาดสามชุก มาจนถึงปัจจุบัน





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น